เกร็ดความรู้เรื่องเทอร์โบ
เทอร์โบคืออุปกรณ์ในห้องเครื่องที่มีหน้าที่ “อัด” อากาศเข้าห้องให้มากขึ้น เมื่อมีอากาศมากและน้ำมันฉีดหนามากขึ้น จะส่งผลให้การจุดระเบิกในห้องเผาไหม้มีความรุนแรงขึ้น และนั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมพละกำลังของเครื่องยนต์จึงมีมากขึ้นตามลำดับ
ส่วนประกอบของระบบอัดอากาศประเภทเทอร์โบนอกเหนือจากเทอร์โบนั้น มีเวสเก็ต ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมแรงดันอากาศไม่ให้มีมากเกินไป, โบลวอ็อฟ มีไว้สำหรับป้องกันเทอร์โบเสียหายในขณะที่เรากดคันเร่ง ตัวโบลวอ็อฟจะทำหน้าที่คายแรงดันส่วนเกินที่ไหลย้อนกลับเทอร์โบออก ซึ่งป้องกันไม่ให้เทอร์โบพัง, อินเตอร์คูลเลอร์ มีหน้าที่ลดอุณหภูมิของไอดีก่อนไหลเข้าเครื่องยนต์ เพิ่มความหนาแน่นของอากาศ ทำให้การจุดระเบิดมีประสิทธิภาพดีขึ้น
ใบเทอร์โบ หรือ Trim เป็นส่วนประกอบชนิดหนึ่งที่มีผลต่อความแรงของเครื่องยนต์ แต่การปรับเปลี่ยนค่าทริมจะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการไหลของอากาศเท่านั้น
A/R Ratio คือค่าโข่งของเทอร์โบ ใช้สำหรับการเลือกเทอร์โบใส่เครื่องยนต์ ค่า A/R Ratio มีทั้งฝั่งของไอดีและไอเสีย ซึ่งเป็นตัวที่จะบ่งบอกว่าเทอร์โบตัวนี้เหมาะสมหรือไม่กับเครื่องของเรา
โข่งไอดี ถ้ามีในเทอร์โบที่ซื้อมาอยู่แล้วจะไม่มีตัวเลือกมากนัก เพราะส่วนใหญ่จะมีการเซ็ตค่าไว้ให้แล้ว ส่วนโข่งไอเสีย ถือว่าเป็นตัวสำคัญเพราะถ้าเลือกโข่งเล็ก (A/R น้อย) จะทำให้การไหลของอากาศมีความเร็วมากขึ้น แต่ถ้าโข่งใหญ่ จะส่งผลให้ต้องใช้ไอเสียจำนวนมาก ทำให้เครื่องยนต์บูสต์ช้า
นี่คือเกร็ดความรู้เล็กน้อยของเทอร์โบ เพราะอันที่จริงแล้วการจะเลือกซื้อหรือใส่เทอร์โบนั้นมีความละเอียดกว่านี้มาก ซึ่งสำหรับผู้ที่สนใจจริงๆ ควรศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือสอบถามข้อมูลอื่นได้จากมืออาชีพ
เลือกขนาดเทอร์โบอย่างไรให้เหมาะสม
องค์ประกอบสำคัญของการเลือกเทอร์โบคือดูที่ปริมาตรความจุกระบอกสูบ และต้องเลือกให้เหมาะสมทั้งด้านกังหันไอดีและกังหันไอเสีย
กังหันไอดีต้องสามารถประจุไอดีได้เพียงพอต่อความต้องการของเครื่องยนต์ และกังหันไอเสียต้องมีขนาดที่พอเหมาะ ถ้ามีขนาดเล็ก ถึงจะบูสท์เร็วแต่ก็ขัดขวางการไหลของไอเสีย ถ้าใหญ่เกินไปก็จะทำให้ไอเสียปั่นกังหันไอเสียได้รอบการหมุนต่ำ ทำให้กังหันไอดีหมุนช้าไปด้วย ทำให้บูสท์ได้ช้าและน้อย กังหันไอเสียที่มีขนาดเท่ากันจะสามารถกำหนดอัตรารอบการหมุนได้ว่าจะให้ช้าหรือเร็ว ถึงแม้ว่ามวลไอเสียจะเท่าเดิม แต่สามารถปรับเปลี่ยนรอบของกังหันไอเสียได้ด้วย A/R Ratio
A/R Ratio คืออัตราส่วนคอคอดภายในโข่งไอเสีย เป็นตัวกำหนดความเร็วรอบการหมุนของกังหันไอเสีย ซึ่งมีผลต่อการบูสท์ด้วยว่าจะมาเร็วหรือช้า โดยการเปลี่ยนคอคอดหรือ A/R Ratio นั้นจะทำให้ไอเสียมีความเร็วหรือช้าแตกต่างกันไปตามขนาดของคอคอด ถ้าหาก A/R Ratio สูงเกินไป คอคอดใหญ่ การบูสท์เทอร์โบจะช้าแต่ความร้อนสะสมในตัวเทอร์โบจะน้อย ซึ่งการระบายของไอเสียจะไม่เกิดแรงดันย้อนกลับมาก ถ้าคอคอดเล็กหรือค่า A/R Ratio ต่ำเกินไป จะมีการบูสท์ที่รวดเร็ว แต่ว่าความร้อนสะสมในตัวเทอร์โบจะสูงและเกิดแรงย้อนกลับในระบบไอเสียมาก ถึงแม้จะมีการตอบสนองดี แต่เครื่องยนต์จะกำลังตกในรอบสูง
ดังนั้น การคำนวณหาขนาดที่เหมาะสมของเทอร์โบและ A/R Ratio มีความละเอียดอ่อนมาก ต้องมีการคำนวณหาตัวเลขอย่างถี่ถ้วน แต่ในที่สุดถ้าเกิดไม่สามารถหาขนาดเทอร์โบตามที่คำนวณออกมาได้ ก็ต้องอาศัยการดัดแปลงตามที่มีให้
อ้างอิงจาก
http://www.mengheader-turbo.com/
ข้อแนะนำการใช้และบำรุงรักษา
•กว่า 60 % ของเทอร์โบที่มีความเสียหายมักจะเกิดจากระบบน้ำมันหล่อลื่น และอีกกว่า 30% เกิดจากสิ่งแปลกปลอมเข้าไปกระแทกใบพัดไอดีหรือไอเสีย
•อายุของเทอร์โบขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศ
•หลีกเลี่ยงการขาดน้ำมันหล่อลื่นของเทอร์โบ หลังสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรเดินเบาสัก 2-3 นาที ก่อนเริ่มใช้งานเพื่อให้น้ำมันหล่อลื่นเข้าเลี้ยงชิ้นส่วนภายในเทอร์โบก่อน
•หลีกเลี่ยงการดับเครื่องยนต์โดยทันที ควรปล่อยเดินเบาสัก 2-3 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องเย็นตัวลงก่อนดับเครื่อง
เนื่องจากเทอร์โบชาทเจอร์มีรอบการทำงานกว่าแสนรอบต่อนาที ดังนั้นจึงจำเป็นต้องได้รับการซ่อมบำรุงตามอายุจากการสึกหรอของบู๊ชแหวนและกันรุน หากเทอร์โบมิได้รับการซ่อม โดยการเปลี่ยนชุดซ่อมตามกำหนด 400,000-800,000 กม. สำหรับรถบรรทุกและรถบัส(400,000 กม. สำหรับเครื่องยนต์ญี่ปุ่นและ 800,000 กม. สำหรับเครื่องยนต์ยุโรป), 100,000-150,000 กม. สำหรับรถปิคอัพดีเซล, 5,000-6,000 ชม. ในเครื่องจักรก่อสร้างหรือเครื่องอุตสาหกรรม) เมื่อกันรุนหรือบู๊ชสึกเกินพิกัดใบพัดไอดีและไอเสียจะรุนจนเสียดสีกับโข่งจนสึกหรอไม่สามารถซ่อมแซมต้องเปลี่ยนไส้กลางหรือเทอร์โบใหม่ทั้งลูกเมื่อบู๊ชหลวมจะทำให้เทอร์โบไม่สามารถทำรอบและอัดอากาศเข้าเครื่องยนต์ได้เพียงพอทำให้เกิดควันดำ ไม่มีกำลังและสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยใช่เหตุ
ท่านสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ด้วยการถอดเทอร์โบมาตรวจเช็คและซ่อม โดยการเปลี่ยนชุดซ่อม ด้วยค่าใช้จ่ายไม่เกินหมื่นบาท เมื่อเกิดความเสียหายมากแล้ว ก็จะไม่คุ้มการซ่อมจำเป็นต้องเปลี่ยนไส้กลางหรือเทอร์โบใหม่
หลีกเลี่ยงการซ่อมเทอร์โบเองหรือส่งร้านซ่อมทั่วไปซึ่งไม่มีเครื่องมือพิเศษและอะไหล่แท้เพราะอายุการใช้งานจะใช้ได้เพียงระยะสั้นไม่คุ้มค่าใช้จ่าย และไม่มีรับประกันกับผลงานการซ่อม
หลีกเลี่ยงการใช้เทอร์โบเก่าหรือมือสองและเทอร์โบปลอมจากจีนและไต้หวัน นอกจากอายุการใช้งานที่สั้นสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงกว่าที่ควรเป็น รวมถึงอาจสร้างความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ของท่าน ดังนั้นการซ่อมเทอร์โบเมื่อถึงอายุการใช้งานจะเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุดสำหรับท่าน
ตัวอย่างความเสียหายของเทอร์โบที่พบได้บ่อยๆ
น้ำมันเข้าช้า หรือ เข้าไม่ทัน
•บู๊ช : เกิดรอยสึกที่ผิว ซึ่งอาจเป็นทั้งด้านใน หรือ ด้านนอก หรือ ทั้ง 2 ด้าน จนเห็นได้ชัด
•กันรุน : เกิดรอยสึกที่ผิวกันรุน.
สาเหตุอาจเกิดมาจาก
•ท่อน้ำมันไหลเข้าอุดตัน
•ระดับน้ำมันเครื่องต่ำเกินไป
•ปั๊มน้ำมันเครื่องหลวม หรือ ไม่สมบูรณ์
•ไส้กรองน้ำมันเครื่องตัน
•ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์มาเป็นเวลานาน หรือ เพิ่งโอเวอร์ฮอลเครื่องยนต์ใหม่
•ขาดการเติมน้ำมันเข้าไส้กรองหลังการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง
•เร่งเครื่องยนต์อย่างรุนแรง หลังสตาร์ท หรือ ก่อนดับเครื่องยนต์
การขาดน้ำมันหล่อลื่น
•แกนไอเสีย : บริเวณแกนไอเสียจะเกิดการเปลี่ยนสีเนื่องจากความ ร้อนที่เสียดสี ในช่วงขาดน้ำมัน
•บู๊ช : เกิดการสึกหรอและมีรอยไหม้อย่างรุนแรง
•กันรุน : เกิดการสึกหรอและมีรอยไหม้
สาเหตุอาจเกิดมาจาก
•ท่อน้ำมันเข้าอาจแตกร้าวหรืออุดตันอย่างมาก
•ระดับน้ำมันเครื่องต่ำมาก หรือ ขาดน้ำมันหล่อลื่น
•ปั๊มน้ำมันเครื่องเสียหาย หรือหลวมจนสร้างแรงดันไม่เพียงพอ
•กรองน้ำมันเครื่องตัน
•ทางเดินน้ำมันในเสื้อกลางเทอร์โบเกิดการอุดตัน เนื่องจากการเกิดตะกรันของคราบน้ำมัน ซึ่งมีสาเหตุมาจาก การดับเครื่องยนต์โดยทันทีและ น้ำมันเครื่องสกปรก
น้ำมันเครื่องสกปรก
•แกนไอเสีย : เกิดเป็นรอยเส้นที่ตัวแกนอย่างชัดเจน
•เสื้อกลางเทอร์โบ : เกิดรอยสึกเป็นเส้นอย่างชัดเจน
•บู๊ช : เกิดเป็นรอยสึกเป็นเส้นทั้งผิวด้านนอก และ ด้านใน
สาเหตุอาจเกิดมาจาก
•ไส้กรองน้ำมันเครื่องอุดตัน เพราะไม่สนใจในระยะเวลาที่ต้องเปลี่ยน
•ฝุ่นสามารถเข้าภายในเครื่องยนต์ในช่วงการซ่อม หรือ ช่วงการบำรุงรักษา
•ใช้ไส้กรองน้ำมันเครื่องไม่ถูกต้อง รูกระดาษใหญ่เกินไป
•น้ำมันเครื่องเกิดตะกรันเนื่องจากการเกิด โอเวอร์ฮีท
•ภายในท่อน้ำมันเครื่องสกปรกมาก ในช่วงการเปลี่ยนเทอร์โบ
•เศษโลหะเกิดจากการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์
•เกิดการตกค้างของเศษโลหะหลังการโอเวอร์ฮอล ในก้นอ่าง ซึ่งอาจมิได้ทำความสะอาดอย่างเพียงพอ
การเกิดโอเวอร์ฮีท Over Heating
•แกนไอเสีย : เกิดการสะสมของตะกรัน
•เสื้อกลางเทอร์โบ : เกิดตะกรันภายในเสื้อกลาง ทำให้ทางเดินน้ำมันอุดตัน
•โข่งไอเสีย : เกิดบวมและแตกร้าว โดยเฉพาะบริเวณ ร่องแบ่งกลาง
สาเหตุอาจเกิดมาจาก
•อุณหภูมิไอเสียสูงเกินไป
•อุณหภูมิน้ำมันเครื่องสูงเกินไป
•ดับเครื่องยนต์โดยทันทีหลังการใช้งานมาอย่างหนัก
•ไส้กรองอากาศอุดตัน
•เกิดตะกรันจากน้ำมันเครื่อง เนื่องจากใช้น้ำมันคุณภาพต่ำ
การไม่บาล๊านซ์ Rotor Unbalance
•แกนไอเสีย : เกิดการสึกที่ไม่เสมอที่ผิว รวมถึงเพลาคด
•บู๊ช : เกิดการสึกไม่เรียบที่ผิว
•ใบพัดไอดี และ ใบพัดไอเสีย : ใบพัดเกิดการเสียดสีกับโข่ง
สาเหตุอาจเกิดมาจาก
•ใบพัดไอดี หรือ ใบพัดไอเสียเสียหาย
•การไม่บาล๊านซ์ของแกนไอเสีย และ ใบพัดไอดี
•ใบพัดไอดี และ แกนไอเสียไม่มีการบาล๊านซ์
•ใช้อะไหล่ที่ไม่ถูกต้อง
สิ่งแปลกปลอมภายนอก
ควรหยุดการใช้เครื่องยนต์ หากได้ยินเสียงผิดปกติ หรือ สงสัยว่าเทอร์โบอาจเกิดความไม่ปกติ
•ควรตรวจเช็คเครื่องยนต์ตามระยะที่กำหนด
•เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด
•ตรวจเช็คทำความสะอาดและเปลี่ยนไส้กรองอากาศตามกำหนด
•ในการซ่อมเทอร์โบ ควรจะต้องมีการบาล๊านซ์ แกนไอเสีย และ ใบพัดไอดี
•ปฏิบัติตามข้อแนะนำในการติดตั้งเทอร์โบ
**** ข้อมูลอ้างอิงจาก บริษัท เวิลด์เทคเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
http://www.worldtech.co.th/?act=suggestion
•อายุของเทอร์โบขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศ
•หลีกเลี่ยงการขาดน้ำมันหล่อลื่นของเทอร์โบ หลังสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรเดินเบาสัก 2-3 นาที ก่อนเริ่มใช้งานเพื่อให้น้ำมันหล่อลื่นเข้าเลี้ยงชิ้นส่วนภายในเทอร์โบก่อน
•หลีกเลี่ยงการดับเครื่องยนต์โดยทันที ควรปล่อยเดินเบาสัก 2-3 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องเย็นตัวลงก่อนดับเครื่อง
เนื่องจากเทอร์โบชาทเจอร์มีรอบการทำงานกว่าแสนรอบต่อนาที ดังนั้นจึงจำเป็นต้องได้รับการซ่อมบำรุงตามอายุจากการสึกหรอของบู๊ชแหวนและกันรุน หากเทอร์โบมิได้รับการซ่อม โดยการเปลี่ยนชุดซ่อมตามกำหนด 400,000-800,000 กม. สำหรับรถบรรทุกและรถบัส(400,000 กม. สำหรับเครื่องยนต์ญี่ปุ่นและ 800,000 กม. สำหรับเครื่องยนต์ยุโรป), 100,000-150,000 กม. สำหรับรถปิคอัพดีเซล, 5,000-6,000 ชม. ในเครื่องจักรก่อสร้างหรือเครื่องอุตสาหกรรม) เมื่อกันรุนหรือบู๊ชสึกเกินพิกัดใบพัดไอดีและไอเสียจะรุนจนเสียดสีกับโข่งจนสึกหรอไม่สามารถซ่อมแซมต้องเปลี่ยนไส้กลางหรือเทอร์โบใหม่ทั้งลูกเมื่อบู๊ชหลวมจะทำให้เทอร์โบไม่สามารถทำรอบและอัดอากาศเข้าเครื่องยนต์ได้เพียงพอทำให้เกิดควันดำ ไม่มีกำลังและสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยใช่เหตุ
ท่านสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ด้วยการถอดเทอร์โบมาตรวจเช็คและซ่อม โดยการเปลี่ยนชุดซ่อม ด้วยค่าใช้จ่ายไม่เกินหมื่นบาท เมื่อเกิดความเสียหายมากแล้ว ก็จะไม่คุ้มการซ่อมจำเป็นต้องเปลี่ยนไส้กลางหรือเทอร์โบใหม่
หลีกเลี่ยงการซ่อมเทอร์โบเองหรือส่งร้านซ่อมทั่วไปซึ่งไม่มีเครื่องมือพิเศษและอะไหล่แท้เพราะอายุการใช้งานจะใช้ได้เพียงระยะสั้นไม่คุ้มค่าใช้จ่าย และไม่มีรับประกันกับผลงานการซ่อม
หลีกเลี่ยงการใช้เทอร์โบเก่าหรือมือสองและเทอร์โบปลอมจากจีนและไต้หวัน นอกจากอายุการใช้งานที่สั้นสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงกว่าที่ควรเป็น รวมถึงอาจสร้างความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ของท่าน ดังนั้นการซ่อมเทอร์โบเมื่อถึงอายุการใช้งานจะเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุดสำหรับท่าน
ตัวอย่างความเสียหายของเทอร์โบที่พบได้บ่อยๆ
น้ำมันเข้าช้า หรือ เข้าไม่ทัน
•บู๊ช : เกิดรอยสึกที่ผิว ซึ่งอาจเป็นทั้งด้านใน หรือ ด้านนอก หรือ ทั้ง 2 ด้าน จนเห็นได้ชัด
•กันรุน : เกิดรอยสึกที่ผิวกันรุน.
สาเหตุอาจเกิดมาจาก
•ท่อน้ำมันไหลเข้าอุดตัน
•ระดับน้ำมันเครื่องต่ำเกินไป
•ปั๊มน้ำมันเครื่องหลวม หรือ ไม่สมบูรณ์
•ไส้กรองน้ำมันเครื่องตัน
•ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์มาเป็นเวลานาน หรือ เพิ่งโอเวอร์ฮอลเครื่องยนต์ใหม่
•ขาดการเติมน้ำมันเข้าไส้กรองหลังการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง
•เร่งเครื่องยนต์อย่างรุนแรง หลังสตาร์ท หรือ ก่อนดับเครื่องยนต์
การขาดน้ำมันหล่อลื่น
•แกนไอเสีย : บริเวณแกนไอเสียจะเกิดการเปลี่ยนสีเนื่องจากความ ร้อนที่เสียดสี ในช่วงขาดน้ำมัน
•บู๊ช : เกิดการสึกหรอและมีรอยไหม้อย่างรุนแรง
•กันรุน : เกิดการสึกหรอและมีรอยไหม้
สาเหตุอาจเกิดมาจาก
•ท่อน้ำมันเข้าอาจแตกร้าวหรืออุดตันอย่างมาก
•ระดับน้ำมันเครื่องต่ำมาก หรือ ขาดน้ำมันหล่อลื่น
•ปั๊มน้ำมันเครื่องเสียหาย หรือหลวมจนสร้างแรงดันไม่เพียงพอ
•กรองน้ำมันเครื่องตัน
•ทางเดินน้ำมันในเสื้อกลางเทอร์โบเกิดการอุดตัน เนื่องจากการเกิดตะกรันของคราบน้ำมัน ซึ่งมีสาเหตุมาจาก การดับเครื่องยนต์โดยทันทีและ น้ำมันเครื่องสกปรก
น้ำมันเครื่องสกปรก
•แกนไอเสีย : เกิดเป็นรอยเส้นที่ตัวแกนอย่างชัดเจน
•เสื้อกลางเทอร์โบ : เกิดรอยสึกเป็นเส้นอย่างชัดเจน
•บู๊ช : เกิดเป็นรอยสึกเป็นเส้นทั้งผิวด้านนอก และ ด้านใน
สาเหตุอาจเกิดมาจาก
•ไส้กรองน้ำมันเครื่องอุดตัน เพราะไม่สนใจในระยะเวลาที่ต้องเปลี่ยน
•ฝุ่นสามารถเข้าภายในเครื่องยนต์ในช่วงการซ่อม หรือ ช่วงการบำรุงรักษา
•ใช้ไส้กรองน้ำมันเครื่องไม่ถูกต้อง รูกระดาษใหญ่เกินไป
•น้ำมันเครื่องเกิดตะกรันเนื่องจากการเกิด โอเวอร์ฮีท
•ภายในท่อน้ำมันเครื่องสกปรกมาก ในช่วงการเปลี่ยนเทอร์โบ
•เศษโลหะเกิดจากการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์
•เกิดการตกค้างของเศษโลหะหลังการโอเวอร์ฮอล ในก้นอ่าง ซึ่งอาจมิได้ทำความสะอาดอย่างเพียงพอ
การเกิดโอเวอร์ฮีท Over Heating
•แกนไอเสีย : เกิดการสะสมของตะกรัน
•เสื้อกลางเทอร์โบ : เกิดตะกรันภายในเสื้อกลาง ทำให้ทางเดินน้ำมันอุดตัน
•โข่งไอเสีย : เกิดบวมและแตกร้าว โดยเฉพาะบริเวณ ร่องแบ่งกลาง
สาเหตุอาจเกิดมาจาก
•อุณหภูมิไอเสียสูงเกินไป
•อุณหภูมิน้ำมันเครื่องสูงเกินไป
•ดับเครื่องยนต์โดยทันทีหลังการใช้งานมาอย่างหนัก
•ไส้กรองอากาศอุดตัน
•เกิดตะกรันจากน้ำมันเครื่อง เนื่องจากใช้น้ำมันคุณภาพต่ำ
การไม่บาล๊านซ์ Rotor Unbalance
•แกนไอเสีย : เกิดการสึกที่ไม่เสมอที่ผิว รวมถึงเพลาคด
•บู๊ช : เกิดการสึกไม่เรียบที่ผิว
•ใบพัดไอดี และ ใบพัดไอเสีย : ใบพัดเกิดการเสียดสีกับโข่ง
สาเหตุอาจเกิดมาจาก
•ใบพัดไอดี หรือ ใบพัดไอเสียเสียหาย
•การไม่บาล๊านซ์ของแกนไอเสีย และ ใบพัดไอดี
•ใบพัดไอดี และ แกนไอเสียไม่มีการบาล๊านซ์
•ใช้อะไหล่ที่ไม่ถูกต้อง
สิ่งแปลกปลอมภายนอก
ควรหยุดการใช้เครื่องยนต์ หากได้ยินเสียงผิดปกติ หรือ สงสัยว่าเทอร์โบอาจเกิดความไม่ปกติ
•ควรตรวจเช็คเครื่องยนต์ตามระยะที่กำหนด
•เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด
•ตรวจเช็คทำความสะอาดและเปลี่ยนไส้กรองอากาศตามกำหนด
•ในการซ่อมเทอร์โบ ควรจะต้องมีการบาล๊านซ์ แกนไอเสีย และ ใบพัดไอดี
•ปฏิบัติตามข้อแนะนำในการติดตั้งเทอร์โบ
**** ข้อมูลอ้างอิงจาก บริษัท เวิลด์เทคเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
http://www.worldtech.co.th/?act=suggestion
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น